4/20/2556

 PeaZip โปรแกรมบีบอัดหรือแตกไฟล์ อีกหนึ่งโปรแกรมฟรีที่น่าสนใจ ดาวน์โหลดได้ด้านใน


ประโยชน์ของการบีบอัดไฟล์ก็คือเวลาที่จำเป็นต้องส่งไฟล์หลายๆ ไฟล์พร้อมๆ กันแล้วไม่อยากอัพโหลดทีละไฟล์และไม่ต้องการให้ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งโปรแกรมบีบอัดไฟล์ก็มีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Winzip, Winrar และอื่นๆ อีกมากมายที่หลายๆ คนเลือกใช้ตามความชอบ แต่บางโปรแกรมก็ไม่เปิดให้ใช้งานฟรีแล้ว หรือบางโปรแกรมก็เปิดให้ใช้งานฟรี แต่ก็มีฟีเจอร์รองรับการทำงานน้อยเกินไป ดังนั้น PeaZip ที่เป็นโปรแกรมสำหรับคลายหรือบีบอัดไฟล์จึงเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับหลายๆ คนที่ต้องการโปรแกรมดีๆ ไม่เสียเงินไปใช้งาน
type 2
หน้าตาของไอคอนไฟล์ที่โปรแกรม PeaZip รองรับนั้นจะเป็นรูปเหมือนกับกล่องอย่างเช่นในภาพบน ซึ่งโปรแกรมนี้จะรองรับนามสกุลไฟล์หลากหลายนามสกุลด้วยกัน แม้แต่ไฟล์ ISO เองก็เข้าข่ายรองรับเช่นเดียวกับไฟล์บีบอัดประเภทอื่นๆ ด้วย ซึ่งจากคำอธิบายโปรแกรมนั้น PeaZip จะรองรับนามสกุลไฟล์มากกว่า 157 นามสกุลทีเดียว
front page
เมื่อเริ่มต้นการใช้งานโปรแกรมแล้วจะทำงานเหมือนกับโปรแกรมบีบอัดไฟล์ต่างๆ ที่เริ่มต้นมาแล้วจะเปิดหน้าต่างเกี่ยวกับไดรฟ์ที่ทำการเชื่อมต่อเอาไว้กับตัวเครื่องขึ้นมาให้เราได้เห็นก่อน โดยหน้าต่าง Menu Bar ด้านบนจะมีคำสั่งสำหรับทำงานบีบอัดไฟล์หรือแตกไฟล์เตรียมเอาไว้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นคำสั่ง Add, Convert, Extract, Extract all to… เป็นต้น
testing
นอกจากนี้เราสามารถทดสอบดูก่อนได้ ว่าไฟล์ที่เราต้องการคลายออกมานั้นเป็นไฟล์เสียหรือเปล่า โดยกดที่คำสั่ง Test ที่อยู่ถัดจาก Extract all to… ได้ว่าไฟล์นั้นเสียหรือมีปัญหาหรือเปล่า ซึ่งในภาพนี้โปรแกรมแจ้งว่าโปรแกรมไม่มีปัญหาใดๆ สามารถแตกไฟล์ได้เป็นปกติ
convert
ภายในคำสั่ง Add จะเปิดให้เรานำไฟล์ที่ต้องการบีบอัดไปใส่ลงในช่องว่างด้านบนเพื่อบีบอัดไฟล์ได้ สะดวกเพราะรองรับการทำ Drag and Drop หรือคลิกลากไฟล์มาใส่ลงในช่องว่างได้ ส่วนของคอนโซลด้านล่างของโปรแกรมจะเปิดให้เราเลือกจุดบันทึกไฟล์ปลายทางว่าต้องการให้เก็บไฟล์ที่บีบอัดเสร็จแล้วไว้ที่โฟลเดอร์ไหน ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ที่คำสั่ง Output
create new zip with types
ส่วนของช่องตัวเลือกด้านล่างจะเปิดให้เลือกนามสกุลของไฟล์ได้หลากหลายแบบตามที่เห็นในภาพ ไม่ว่าจะเป็น 7Z, ARC, BZip2 เป็นต้น
create zip quality
คุณภาพของไฟล์ว่าต้องการให้บีบอัดดีแค่ไหน ซึ่งเลือกได้ตั้งแต่ Store, Fastest, Fast, Normal, Maximum, Ultra เราสามารถปรับได้ตามความต้องการของเรา ว่าเราต้องการให้ไฟล์บีบอัดของเรารีบทำการบีบอัดไว้หรือว่าต้องการบีบอัดไว้อย่างดี โดยคุณภาพการบีบอัดจะส่งผลต่อคุณภาพของไฟล์ด้วย
custom the zip 3
รวมทั้งเลือกได้ว่าเราต้องการบีบอัดให้ไฟล์สามารถใส่ได้ในสื่อบันทึกแบบไหน โดย Peazip เองก็มีขนาดให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดของ Floppy Disk ที่ไม่ใช้งานแล้ว จนถึงขนาดของ DVD ขนาด 8.5 GB อีกด้วย โดยคำสั่งนี้จะอยู่ที่ช่องด้านล่างสุดของคอนโซลนี้
create zip advancecreate new zip console
ในส่วนของ Advance กับ Console เราสามารถตั้งค่าโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ ว่าเราต้องการให้ไฟล์ที่เราบีบอัดเป็นอย่างไร
password
ส่วนของคนที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับไฟล์ที่ต้องการบีบอัดก็มีคำสั่ง Password ให้เลือกตั้งค่าได้ เพียงแค่กด Tools > Password Manager เพื่อตั้งค่าได้ และเราสามารถกด Shift+F9 เพื่อเปิดคำสั่งนี้ขึ้นมาได้เหมือนกัน
extract page
ในส่วนของคำสั่ง Extract หรือการคลายไฟล์นั้น เมื่อเราคลิกขวา Extract แล้ว ก็จะเข้าสู่หน้าต่างด้านบน ว่าไฟล์ที่เราต้องการคลายออกมานั้นจะมีไฟล์อะไรบีบอัดเอาไว้ด้านในบ้าง รวมทั้งเราสามารถเลือก Output ได้ ว่าเราต้องการให้ไฟล์นั้นถูกคลายแล้วเก็บเอาไว้ที่ไหน ซึ่งเราสามารถกดที่ปุ่ม “…” ที่อยู่ด้านหลังช่องดังกล่าวเพื่อเลือกปลายทางที่ต้องการบันทึกได้เลย
browse for extract
โปรแกรมก็จะถามเราว่าเราต้องการคลายไฟล์ไปเก็บเอาไว้ที่โฟลเดอร์ไหนของตัวเครื่อง โดยหน้าตาจะเป็นเหมือนโปรแกรมคลายไฟล์แบบเก่าสักหน่อย เมื่อเลือกปลายทางได้เรียบร้อยแล้ว เราก็กด OK ได้เลย และโปรแกรมก็จะทำการแตกไฟล์ออกมาให้เราจนเสร็จ จากนั้นเราก็ตรงไปเปิดโฟลเดอร์นั้นๆ ที่ทำการบันทึกไฟล์เอาไว้ก็เรียบร้อย
ตอนนี้ถ้าใครกำลังมองหาโปรแกรมสำหรับบีบอัดหรือแตกไฟล์ใหม่ๆ มาใช้แล้วล่ะก็ ทางทีมงานก็ขอแนะนำ PeaZip เอาไว้ใช้งานอีกโปรแกรมหนึ่ง โดยขนาดไฟล์นั้นเล็กมาก เพียงแค่ 5.09 MB เท่านั้น รวมทั้งโปรแกรมนี้ยังเป็นโปรแกรมฟรี ทุกคนสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้โดยไม่เสียเงินอีกด้วย

Download : PeaZip 4.9 ; File Size = 5.09 MB (Freeware)

ทำไมยอดขายโน้ตบุ๊ก PC น้อยสุดในรอบ 20 ปี


หลายๆ ท่านคงได้เห็นข่าวในช่วงที่ผ่านมาแล้วนะครับว่า Q1/2013 ที่ผ่านมาimage
โน้ตบุ๊ก PC มียอดขายที่ตกตำสุดในรอบ 20 ปี จากในช่วง 5-10 ปีที่แล้ว ยอดขายโน้ตบุ๊ก PC โตขึ้นตลอดเวลา จนเริ่มชลอจัวเมื่อปีที่แล้ว จนมาถึง Q1/2013 ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ยอดขาย ติดลบถึง –13.9% จาก Q1/2012 โดยมียอดขายตกกันเกือบทุกแบรนด์ (ยกเว้น Lenovo ทรงตัว) ที่ตกไปหนักสุดก็คงหนีไม่พ้น Acer ที่ตกลงไปถึง 31.3% ทำให้หลายๆ ท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม่ยอดขาย โน้ตบุ๊ก PC ถึงตกขนาดนี้ ผมเลยไปหาคำตอบมาให้ซึ่งต้องยอมรับว่ามันมาจากหลายๆ สาเหตุบวกๆ กันเข้ามา
image
Tablet ที่โตวันโตคืน
สาเหตุแรกหลายๆท่านก็คงพอจะเดากันได้เพราะนับวันจะมี Tablet เพิ่มขึ้นมามากเลยๆจากเดิม Tablet ราคาแพงและทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ปัจจุบันทั้งราคาที่ถูกลง และสเปกที่แรงขึ้นทำให้ทั้งทำงาน หรือเล่นเกมส์ได้ไม่แพ้โน้ตบุีกเครื่องนึง ไม่จะพิมพืไม่สะดวกเท่า แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบากว่ามาก ทำให้หลายๆบ้านเลือกที่จะชลอการซื้อโน้ตบุ๊ก PC เครื่องใหม่ออกไปจากเดิมซื้อ 1-2 ปีเครื่องนึง ก็เป็น 3-4 ปีถึงจะซื้อใหม่ อีกจึงไม่น่าแปลกใจว่าคนจะเลือกซื้อ Tablet มากกว่าที่จะมาซื้อโน้ตบุ๊ก PC เครื่องใหม่
image
Windows 8 ที่ไม่ช่วยอะไร
ปลายปีที่แล้วผู้ผลิตหลายๆแบรนด์คาดหวังว่า Windows 8 จะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดได้ แต่เอาเข้าจริงๆ Windows 8 ก็ไม่ได้ช่วยให้โน้ตบุ๊ก PC ขายดีขึ้น สังเหตุได้จากอัตราการเติบโตของ Windows 8 ยังช้ากว่าที่ควรจะเป็นอยู่มาก อีกทั้ง user ยังสับสนกับ Windows 8 ทั้งหน้าตาและฟังค์ชั่นการใช้งานต่างๆทำให้ผู้ใช้เครื่องเก่ารวมถึงผู้ที่ซื้อเครื่องใหม่ยังเลือกที่จะใช้ Windows 7 หรือ XP กันอยู่ แม้ Microsoft จะมีมาตรการชักชวนต่างๆออกมาแต่ก็ยังไม่ช่วยอะไรได้มากนัก อีกทั้ง Windows RT ที่คาดหวังจะเข้ามาตีตลาด Tablet Android ก็เจ้งไม่เป็นท่าด้วยราคาเครื่องที่แพง และข้อจำกัดหลายๆอย่าง ทำให้ user เลือกซื้อ Windows 8 แบบจอทัชดีกว่า หรือไม่ถ้าเน้นราคาก็ไปซื้อ Tablet Android กันหมด
สเปกที่ไม่มีอะไรใหม่
แม้หลายๆแบรนด์จะเน้นโน้ตบุ๊กจอสัมผัสกันมากขึ้น แต่ก็เพียงเปลี่ยนจากซื้อโน้ตบุ๊กธรรมดามาเป็นโน้ตบุ๊กจอทัชเท่านั้น ไม่ได้เปิดตลาดใหม่แต่อย่างใด เพราะสเปกโน้ตบุีกที่ไม่ได้แรงขึ้น หรือแปลกใหม่กว่าเดิม สำหรับผู้ที่ใช้ซีพียูอย่าง Core I Gen 1 & Gen 2 ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่องใหม่เพราะ Gen 3 ก็ไม่ได้แรงกว่ากันเท่าไร และรอ Gen 4 (Haswell) มากกว่า
วิกฤตเศรษกิจ
ด้วยปัญหาในหลายๆประเทสของสหภาพยุโรปทำให้ user กลัวเกิดวิกฤตเศรษกิจจนชลอการซื้อ หรือเลือกซื้อในสิ่งที่มีราคาประหยัดมากกว่า เช่น Tablet หรือ Smartphone อย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ในรุโรปแต่ได้ลามมายังอีกหลายๆประเทศ จนเกิดภาวะชลอการซื้อโน้ตบุ๊ก PC ใหม่
image
ขยายเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่
ด้วยหลายๆสาเหตุทั้งสเปกที่ยังไม่มีอะไรใหม่ หรือใช้เงินไปซื้อ Tablet Smartphone หมดแล้ว ทำให้ user เลือกที่จะชลอการเปลี่ยนโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่จากเดิม 1 เครื่องจะใช้เพียง 1-2 ปี ก็เปลี่ยนเป็น 3-4 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่าย ทำให้ยอดขายน้อยลงไปตามคนซื้อที่น้อยลง
หลายๆปัจจัยจริงๆที่ทำให้ยอดขายของโน้ตบุ๊ก PC ตกลงไปขนาดนี้ ซึ่งผู้ผลิตหลายๆแบรนด์ก็ฝากความหวังไว้กับ Core I Gen 4 (Haswell) ว่าจะช่วยเข้ามาเพิ่มยอดขาย PC ให้มากขึ้นได้ อันเนื่องมาจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้นดำให้คนที่ใช้เครื่องเก่าเปลี่ยนเครื่องใหม่ แต่จะช่วยได้ขนาดไหนนั้นก็คงต้องรอชมกันว่า Core I Gen 4 (Haswell) แรงขนาดไหน

4/16/2556

ปรับแต่ง Logon Windows 7 ให้ถูกใจตามสไตล์ในแบบคุณ


ถ้าพูดถึง Windows 7 ขณะเปิดเครื่องก่อนจะเข้า Windows เพื่อนๆ ก็จะผ่านหน้า Logon ซึ่งมันจะเป็นพื้นสีฟ้าแบบเดิมๆ เห็นจนชินตาบางคนอาจจะเบื่อ วันนี้ทีมงานก็เลยจัดหาโปรแกรมที่ปรับแต่งเปลี่ยนรูปภาพ Logon ก่อนเข้า Windows 7 ให้เพื่อนๆ ได้ใช้กัน เลือกภาพตามสไตล์ที่ชอบกันได้เลย
หน้าตา Logon Windows 7 แบบเดิมๆ
ตัวอย่างหน้าตา Lonon Windows 7 แบบปรับแต่งแล้ว
โดยโปรแกรมที่เราจะใช้มีชื่อว่า Win7 Logon Background Changer อันดับแรกเพื่อนๆ ต้องมีโปรแกรมเสียก่อน
ดาวน์โหลดได้จากที่นี่ http://www.mediafire.com/?7ol4ejsuas7w30j
วิธีการใช้งาน
1. หลังจากได้ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาแล้วให้ทำการแตกไฟล์ก็จะได้โฟลเดอร์ที่ชื่อ Win7 Logon Background Changer มา
2. ในโฟลเดอร์จะมี 4 ไฟล์ จริงๆ สามารถใช้งานผ่าน Win7LogonBackgroundChanger ได้เลย แต่แนะนำให้ทำการติดตั้งที่ตัว Win7LogonBackgroundChanger Setup เสียก่อน
3. โปรแกรมก็จะอยู่ที่ Start Menu > All Programs ให้ทำการเปิดโปรแกรม Win7 Logon Background Changer ขึ้นมา
4. ทำการโปรแกรมก็จะเปิดขึ้นมา โดยโปรแกรมจะมีรูปมากมายให้เราเลือกอยู่แล้ว แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ให้เลือกที่Choose a Folder แล้วก็เลือกไปที่ Folder ที่เราเก็บภาพที่เราต้องการนำมาใช้
5. เมื่อเลือกภาพที่ต้องการแล้วโปรแกรมก็จะโชว์ตัวอย่างภาพให้ดู เมื่อพอใจแล้วให้กดที่ Apply แล้วรอสักครู่ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ไม่ยากเลยนะครับสำหรับการเปลี่ยนภาพพื้นหลังให้กับ Logon Windows 7 ขอให้เพื่อนๆ สนุกกับการใช้งานนะครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในโอกาสหน้าจะหาโปรแกรมดีๆ อะไรมาฝากอีกคอยติดตามกันนะครับ

ทำความสะอาดจอภาพเองได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก มอนิเตอร์ และทีวี


บ้านเมืองเรากับปัญหาฝุ่นเกาะตามที่ต่างๆ เป็นปัญหามาช้านานแล้ว โดยเฉพาะจอภาพซึ่งมักจะมีฝุ่นเข้าไปติดที่จอภาพเป็นประจำเพราะจอภาพเวลาเราเปิดใช้งานก็จะมีไฟฟ้าสถิตเหมือนเป็นตัวดูฝุ่นผงเข้ามาติดที่จอภาพ หรือบางท่านเวลาใช้งานก็พูดจนน้ำลายแห้งติดจอ คราบต่างๆที่มักมาติดเป็นประจำ ติดมากๆ นอกจากอายชาวบ้านแล้ว ก็ยังทำให้จอภาพไม่สว่างเท่าที่ควร แต่ครั้นจะเช็คทำความสะอาดเหมือนเช็คกระจกก็คงจะไม่ได้เพราะจอภาพนั้นมีความบอบบางพอสมควร วันนี้ผมเลยมีเทคนิดเล็กๆ น้่อยๆ มาแนะนำในการทำความสะอาดจอคอมของท่านครับ
image
อุปกรณ์แนะนำสำหรับการทำความสะอาดจอภาพ
  • ผ้านุ่มๆ ที่ไม่มีขน เช่นผ้าไมโครไฟเบอร์ ที่ออกแบบมาทำหรับการทำความสะอาดอุปกรณ์ไอที เพราะนอกจากไม่ทิ้งขนแล้ว ยังไม่ทำให้เกิดรอยด้วย ราคา 70-150 บาท
  • สเปร์ยหรือครีมทำความสะอาดซึ่งควรเป็นของที่ระบุบว่าสามารถใช้กับอุปกรณ์ IT โดยเฉพาะเนื่องจากแห้เร็วและไม่ส่งผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ IT ด้วย
  • แปรงปัดฝุ่น ไว้สำหรับปัดฝุ่นที่ติดตามขอบจอภาพ เพราะมักมีฝุ่นที่เข้าไปติดตามขอบหรือรอยต่อระหว่างตัวเครื่องกับจอภาพ
  • หรือใครที่ซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ ตามร้านก็มักจะแถมชุดทำความสะอาด หรือสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เสริมทั่วไปครับมีครบชุดเลย
image
ขั้นตอนการทำความสะอาดจอภาพ
  • ปิดคอม ถอดปลั๊ก ถอดแบตออกแล้วทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ไฟฟ้าสถิตที่จอภาพหมดไปก่อน ไม่งั้นเช็คไปตอนเปิดเครื่อง เดี๋ยวก็มาติดใหม่อีก
  • ใช้แปรงปัดฝุ่นตามขอบจอภาพออกมาก่อน โดยค่อยๆสอดปลายแปลงเข้าไปเบาๆ แล้วปัดฝุ่นออกมา เสร็จแล้วคว่ำจอภาพลงเพื่อให้ฝุ่นตกลงมา
  • ใช้ผ้าเปล่าๆ เช็คทำความสะอาดก่อนรอบนึงเพื่อให้ฝุ่นที่ติดหนาๆออกไปก่อน ไม่แน่อาจจะไม่ต้องใช้น้ำยาก็ได้ ค่อยๆเช็ค ไม่ต้องใช้แรงมากนัก
  • นำสเปรย์ หรือครียมทำความสะอาดมาฉีดที่ตัวผ้าบางๆ อย่าฉีด อย่าฉีดที่จอภาพโดยตรง จากนั้นค่อยไล่เช็ดจอภาพตั้งแต่ขอบ ไล่เข้ามาที่กลางจอ
  • ถ้ามีคราบติดแน่นให้ใช้สเปรยืหรือครีมทำความสะอาดฉีดที่ผ้าโดยเน้นแค่จุดเด่นให้ชุ่มๆแล้วค่อยๆเช็คโดยออกแรงเพิ่มอีกนิดน่าจอออกโดยไม่ยากเย็น
  • เสร็จแล้วใช้ผ้าด้านที่สะอาดแห้ง ไม่มีน้ำยาทำความสะอาดเช็ดเบาๆ อีกสักที แล้วทิ้งไว้สักพักค่อยปิดจอภาพลงมา แค่นี้จอภาพก็จะใสเหมือนใหม่แล้ว
image
ข้อควรระวัง
  • ไม่ควรฉีดของเหลวเข้าไปที่จอภาพตรงๆ โดยเฉพาะน้ำเปล่าเช็ค เพราะนอกจากจะเป็นคราบเวลาแห้งแล้ว ของเหลวอาจจะไหลเข้าตามขอบของจอภาพทำให้จอช๊อตได้
  • ไม่ควรใช้แรงเช็ดจอภาพที่มากจนเกินไป แม้จะเป็นคราบติดแน่น ก็ควรใช้แรงแค่ระดับหนึ่ง โดยอาจจะหาน้ำยาหรือครีมทำความสะอาดเข้ามาช่วย
  • เวลาฝุ่นเข้าไปติดตามขอบจอใช้แปรงเขี่ยเบาๆ อย่าออกแรงมากเพราะอาจจะทำให้จอภาพเป็นรอย หรือขอบจอภาพเกิดการอ้าได้
  • ตัวน้ำยาทำความสะอาดควรเป็นแบบที่ระบบว่าใช้สำหรับอุปกรณื IT เท่านั้น
หวังว่าคงเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้ทุกท่านทำความสะอาดจอภาพได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องมาทนมองจอฝุ่นเยอะๆ อีกต่อไปแล้ว

4/10/2556

 5 วิธีง่ายๆ ดับร้อนโน้ตบุ๊กสุดรัก กับฤดูร้อนที่ร้อนกว่าที่เคย


ตอนนี้อากาศบ้านเรานั้นร้อนมากมายมหาศาล แค่เดินออกไปเฉียดแดดก็แทบละลายแล้ว แต่เราเองยังสามารถหาวิธีมาดับร้อนตัวเองได้ แล้วโน้ตบุ๊กสุดรักของเราก็ร้อนใช่เล่นนะครับ ยิ่งฤดูร้อนแบบนี้ยิ้งทำให้โน้ตบุ๊กร้อนเร็วขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานมีความสั้นลงมากกว่าปกติถ้าเราปล่อยให้โน้ตบุ๊กนั้นได้รับความร้อนเต็มๆ ผมเลยอาจจะขอแนะนำวิธีคลายร้อนให้โน้ตบุ๊กของทุกท่านตั้งแต่วิธีพื้นฐานยังวิธีที่ท่านอาจจะนึกไม่ออก ด้วย 5 วิธีการง่ายๆ เริ่มด้วย 

1. หาที่นั่งตากแอร์

อาจจะดูกวนโอ๊ยกับคำตอบนี้ แต่เป็นวิธีที่ดีจริงๆ นะครับ ย้ายจากการทำงานที่บ้าน ไปนั่งตามห้างร้านที่แอร์เย็นๆ (กรณีไม่อยากเปิดแอร์อยู่บ้าน) เรียกได้ว่าดับร้อนได้ทั้งคนทั้งเครื่อง เสียค่ากาแฟสัก 30 – 100 บาท (แล้วแต่ความชอบในรสกาแฟ) ก็นั่งยาวๆ ได้ทั้งวันแล้วนะครับ คิดซะว่าช่วยลดความร้อนและยืดอายุเครื่องของเรา แต่อย่างไรก็ตามถ้าดูคนเริ่มเยอะแล้วก็ต้องสั่งอีกแก้วก็ได้ (ถ้าไม่กลัวนอนไม่หลับนะ) หรือไม่ถ้าจะให้ดีชวยเพื่อนๆ ไปกันเยอะๆ ก็ได้นะครับ ถือว่าเป็นการนัดเจอมิตติ้งกันไปในตัวเลยก็แล้วกัน

2. หา Cooling Pad มาใช้งาน

เป็นวิธีดับร้อนโน้ตบุ๊กแบบมาตรฐานที่คิดว่าทุกท่านนะจะมีใช้กันอยู่แล้ว แต่อาจจะเปิดใช้งานตลอดเวลาเลยนะครับไอ้เจ้า Cooling Pad นี่ละจะช่วยระบายความร้อนเครื่องได้ดี แต่ผมแนะนำว่าซื้อที่มียี่ห้อหน่อยเช่น Cooler Master อะไรพวกนี้นอกจากทนทานแล้ว พัดลมเองก็มีเสียงเงียบช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่าของจีนถูกๆ นะครับ สำหรับราคาก็มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาท จนไปถึงพันบาททีเดียว ที่นอกเหนือจะช่วยลดความร้อนให้ตัวเครื่องโน้ตบุ๊กแล้วนั้น ยังจะช่วยให้เวลาพิมพ์มีความลาดเอียงและหน้าจอถูกยกระดับให้สูงขึ้น พอดีกับสายตาอีกด้วย แน่นอนว่าดีกว่าใช้งานแบบว่ากับโต๊ะธรรมดาเพราะถูกหลักสรีระศาสตร์ image

3. หาอะไรรองโน้ตบุ๊ก

บางครั้งการจะออกไปหา Cooling Pad ก็ขี้เกียจ หรือที่มีขายก็ไม่ค่อยชอบ พกพาไปข้างนอกไม่สะดวก ผมก็อยากแนะนำให้หาอะไรร้องบริเวณด้านหลังของเครื่องสักหน่อยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกช่วยลดความร้อน หรือถ้ามีพัดลมช่วยเป่าเข้ามาด้วยก็จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้น ราคาก็จัดได้ว่าไม่แพงมากมายอะไร ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ดีเท่ากับใช้งาน Cooling Pad จริงๆ ก็ยังดีกว่าไม่ใช้อะไรรองตัวเครื่องโน้ตบุ๊กเลย
image

4. ทำความสะอาดเครื่องภายใน

บ้านเรากับปัญหาฝุ่นผงเป็นของคู่กันในเมืองเขดร้อน แค่เราวางของไว้สักวันฝุ่นเจ้ากรรมก็มาเกาะแล้ว เพราะฉะนั้นโน้ตบุ๊กเราที่ใช้งานมาเป็นแรมเดือนนี่ก็ต้องมีฝุ่นที่ติดตามช่องระบายความร้อนเป็นเรื่องธรรมดา นอกจากจะทำให้ระบายความร้อนได้ช้าแล้ว ฝุ่นอาจจะไปเกาะให้พัดลมระบายความร้อนมีปัญหาได้ ผมจึงแนะนำถ้าโน้ตบุ๊กที่เปิดฝาปิดใต้เครื่องได้ก็เปิดออกมาปัดฝุ่นเป่าลมสักหน่อย แต่ในขั้นตอนการแกะนั้นแต่ละเครื่องแต่ละรุ่นก็ไม่เหมือนกัน เป็นไปได้ก็ควรศึกษาวิธีการแกะให้ดีเสียก่อน หรือถ้าเปิดฝาเครื่องเองไม่ได้จริงๆ ก็สามารถนำเข้าศูนย์ให้เขาช่วยปัดฝุ่นได้ แต่ก็มีค่าบริการกันไปนะครับ

5. หลีกเลี่ยงการใช้งานโน้ตบุ๊กนอกตัวอาคาร

บอกได้เลยว่าอุณหภูมิในร่มของตัวตึกอาคารนั้นมีความเย็นมากกว่ากลางแจ้งมาก ซึ่งถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ทุกคนที่จะใช้งานโน้ตบุ๊กหลีกเลี่ยงการใช้โน้ตบุ๊กนอกตัวอาคารที่ร่ม เพราะด้วยอากาศที่ร้อนขนาดนี้ตัวโน้ตบุ๊กเองจะทำงานหนักมาก มีความเป็นไปได้ที่จะดับลงไปเลย เรียกได้ว่าขนาดคนนั่งเฉยๆ ยังแทบทนไม่ได้ ฉะนั้นใครจะเปิดเครื่องใช้งานโน้ตบุ๊กก็ควรหาที่ร้อนหรือห้องแอร์เย็นๆ ก่อน เมื่อได้ที่ทีนี้เราก็สามารถเปิดใช้งานโน้ตบุ๊กได้อย่างสบายใจทั้งเครื่องทั้งคนแล้วครับ
อย่างไรก้ตามหวังว่า 5 วิธีการลดความร้อนนี้จะช่วยดับร้อนให้โน้ตบุ๊กอยู่กับท่านได้ไปนานๆ นะครับ 

ดูสเปกโน้ตบุ๊กจากซีพียู, กราฟิกการ์ด, แรม, ฮาร์ดดิสก์ และหน้าจอแบบง่ายๆ ใครๆ ก็ดูได้


เคยไหมครับเวลาจะซื้อโน้ตบุ๊กสักเครื่องแล้วไม่รู้ว่าสเปกแต่ละตัวคืออะไร เหมาะกับการใช้งานของเราไหม โดยเฉพาะหลายๆท่านที่ซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องแรก หรือท่านที่ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์เลย โอกาสดูสเปกผิด หรือโดนพนักงานขายหลอกก็เป็นไปได้ วันนี้ผมเลยแนะนำวิธีการดูสเปกแบบง่ายๆ เทียบให้เห็นไปเลยว่าสเปกแต่ละส่วนนั้นเหมาะกับการใช้งานอะไรบ้าง
image
CPU
ผมจะแบ่งตามรุ่นที่เป็นซีรีย์ใหญ่ๆ พร้อมแนะนำว่าแต่ละซีรีย์เหมาะกับการใช้งานแบบใดถึงจะคุ้ม
  • AMD E1 ,Intel Celeron : ใช้งานเบาๆ พิมพ์งานเล่นเน็ต เน้นถูก
  • AMD E2 ,Intel Pentium : พิมพ์งานเล่นเน็ต ทำงานหนักๆได้บ้าง
  • AMD A4 ,A6 ,Intel Core i3 : เน้นราคาประหยัดแต่ประสิทธิภาพพอตัว ครบทุกการใช้งาน
  • AMD A8 ,A10 ,Intel Core i5 : งานหนักๆได้ คุ้มค่าเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานหนักๆ เล่นเกมส์บ้าง แต่มีงบไม่สูงมาก
  • Intel Core i7 : เล่นเกมส์ แปลงไฟล์หนังแตกไฟล์เร็ว ทำงานได้ทุกอย่าง แต่งบสูงระดับ สองหมื่นกว่าบาท
image
GPU
ระบบเลขไปเลยว่ารุ่นไหน เหมาะกับการใช้งานอะไร เน้นคุ้มและยอดนิยม
  • AMD HD 73xx ,Intel GMA : ใช้งานทั่วๆไป เล่นได้แค่เกมส์เฟสบุ๊ก
  • AMD HD 74xx ,Nvidia 610M ,620M (710M) : งานกราฟิกบ้าง เล่นเกมส์ที่ความละเอียดต่ำสุด
  • AMD HD 76xx ,Nvidia 630M ,635M : เล่นเกมส์ที่ความละเอียดระดับกลางๆ หรือดูหนัง HD เป็นหลัก
  • AMD HD 77xx ,Nvidia 640M ,650M : เล่นเกมส์ที่ความละเอียดสูง หรือทำงานกราฟิก 3D บ้าง
  • AMD HD 78xx ,Nvidia GTX 660M > : เน้นเล่นเกมส์ที่ความละเอียดสูงสุด หรือทำงานกราฟิก 3D หนักๆ
image
RAM
ความจุตามความเหมาะสมการใช้งาน
  • 4GB : ใช้งานทั่วๆไป เป็นมาตรฐานที่ไม่ควรน้อยกว่านี้เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล
  • 8GB : ทำงานหนักๆหน่อย เล่นเกมส์บ้าง เป็นมาตรฐานที่ทุกเครื่องสามารถอัพเกรทได้
  • 16 GB : เฉพาะบางรุ่นถึงจะอัพเกรทได้เหมาะกับผู้ที่เล่นเกมส์ความละเอียดสูงสุด หรือทำงานหนักๆสุดๆ
HDD
ความจุของฮาร์ดดิสค์ที่เหมาะสม พร้อมแบ่งชนิดๆเวลาดูจะได้ไม่งง ถ้าเป็นฮาร์ดดิสค์ธรรมดาจะลงท้าย 0 ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นแบบ chip SSD จะลงท้ายเป็นเลขคู่เช่น 64 128 256
  • HDD < 500GB : สำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ได้เก็บข้อมูลอะไรมากนัก
  • HDD 640 > 1000GB : สำหรับผู้ที่เก็บข้อมูลปริมาณมากโดยเฉพาะผู้ที่มีเพลงหนัง หรือลงเกมส์เยอะๆ
  • SSD < 32GB : ส่วนใหญ่เอาไว้ช่วยบูตเครื่องไม่สามารถเก็บข้อมูลอะไรได้มากมาย
  • SSD 64 > 128GB : ใช้งานพื้นฐานเกมส์ข้อมูลได้บ้างเน้นราคาที่ไม่สูงมากแต่ต้องการบูตเร็ว
image
จอภาพ
ขึ้นอยู่กับความต้องการ และการพกพารวมถึงความชอบของแต่ละบุคคลด้วย สำหรับการใช้งานที่ต่างๆกัน
  • 11 > 12” : เหมาะกับสุภาพสตรี หรือบุคคลร่างเล็ก พกพาสะดวก แต่สเปกเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเป็นหลัก
  • 13 > 14” : ขนาดมาตรฐาน พกพาก็สะดวก  สเปกให้เลือกหลากหลาย
  • 15” : ขนาดเครื่องใหญ่ และค่อนข้างหนัก แต่ยังพอพกพาได้ เหมาะกับผู้ที่เน้นใช้งานจอใหญ่เช่นเล่นเกมส์
  • 17” : ใหญ่และหนักมาก ไม่ค่อยเกมาะกับการพกพาเท่าไร เหมาะกับการทำงาน 3D หรืองานที่ต้องใช้งานพรีเซ็นต์นอกสถานที่
image
ส่วนองค์ประกอบอื่นๆนั้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ Body ของสเปกที่เราเลือกไปแล้วเช่นพอร์ตต่างๆ และเมื่อได้สเปกที่เราต้องการแล้ว หน้าตาความสวยงามเองก็เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความชอบด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วผมแนะนำให้ทุกท่านลองสัมผัสลองดูเครื่องตัวจริงก่อนนะครับว่าชอบไหม เพราะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลจริงๆ และอย่างน้อยเราต้องอยู่กับเครื่องนี้ไปอีกปีสองปีจึงควรเลื่อกเครื่องที่เหมาะกับเราที่สุดนะครับ

เหตุผลที่ Galaxy Note 8.0 น่าใช้กว่า iPad mini


หลังจากซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy Note 8.0 ออกมา ทำให้หลายคนรวมถึงผมอดคิดไม่ได้เลยว่า แท็บเล็ตของซัมซุงรุ่นนี้เกิดมาเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการจะต่อกรกับคู่แข่งอย่าง iPad mini ของแอปเปิลเป็นแน่แท้ ทั้งขนาดหน้าจอที่ใกล้เคียงกัน (Note 8.0 ขนาด 8 นิ้ว ส่วน iPad mini 7.9 นิ้ว) และการตั้งราคาของ Galaxy Note 8.0 ที่ออกมาเท่ากับ iPad mini รุ่น Cellular ในราคา 15,200 บาท
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้หลายคนเกิดความสงสัยไปอีกว่า ระหว่าง Galaxy Note 8.0 กับ iPad mini ตัวไหนจะน่าใช้กว่ากัน โดยเฉพาะคนที่กำลังจะซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่อาจกำลังเกิดอาการลังเลระหว่างสองรุ่นนี้อยู่
ในโอกาสที่ผมได้ทดสอบการใช้งานทั้ง Galaxy Note 8.0 (ยืมเขามา) ได้ระยะหนึ่ง ซี่งถือเป็นครั้งแรกที่ผมเคยใช้แท็บเล็ตในตระกูล Galaxy (ก่อนหน้านี้ใช้ iPad) แล้วรู้สึกดี ก็อยากจะมาเล่าประสบการณ์คร่าวๆ กันก่อนว่าทำไม Galaxy Note 8.0 จึงน่าใช้กว่า iPad mini แล้วเดี๋ยวหลังจากนี้จะมารีวิวหรือทดสอบฉบับเต็มให้ดูกันอีกครั้งครับ

S-Pen

สำหรับ S-Pen หรือปากกาของ Galaxy Note 8.0 ผมขอยกให้เป็น Killer Feature ของตระกูล Note เลยก็ได้ครับ นอกจากจะใช้ในการวาดภาพได้ถนัดกว่าใช้นิ้วปกติแล้ว S-Pen ยังสามารถใช้แทนการพิมพ์ตัวอักษรของคีย์บอร์ดบนหน้าจอได้อีกด้วย กล่าวคือ เราสามารถใช้ S-Pen เขียนตัวอักษรในลายมือของเรา แล้วเดี๋ยวมันจะแปลงเป็นตัวอักษรให้เองเลย รองรับภาษาไทยด้วยครับ (ดูวิดิโอที่ผมทดสอบด้านล่าง)
นอกจากนี้ S-Pen ยังใช้ในการ Capture หน้าจอหรือตัดส่วนต่างๆ (Easy Clip หรือ Crop เฉพาะส่วน) ของหน้าจอไปใช้งานได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
*ขอเสริมว่า S-Pen ไม่ได้ใช้แค่กับ S-Note นะครับ แต่สามารถใช้เป็นตัวอินพุทตัวอักษรของทุกแอพได้เลยครับ

S-Note

พูดถึง S-Note หลายคนน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เป็นแอพจดโน๊ตแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อความ, วาดภาพ, จดไอเดียต่าง ที่นึกได้ ตลอดจนสร้างสรรค์งานต่างๆ ได้ภายในแอพเดียว สำหรับ S-Note นั้นที่ถือว่าแจ้งเกิดและสร้างความแตกต่างให้ระหว่างตระกูล Galaxy Note มาตั้งแต่รุ่นแรก มาถึงใน Note 8.0 นี้ก็รวมอยู่ด้วย และยิ่งมาผนวกกับความสามารถอันยอดเยี่ยมของ S-Pen แล้วหล่ะก็ ทำให้จุดนี้กลายเป็นจุดที่ Note 8.0 เหนือกว่าแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ เลยก็ว่าได้ (ชมตัวอย่างการใช้งาน S-Note ได้จากวีดิโอด้านล่าง)

Multi Windows : ทำงานได้พร้อมกันหลายอย่าง

Multi Windows เป็นฟีเจอร์สำหรับเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นหลายแอพได้พร้อมกัน โดยจะแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วน สามารถใช้งานแอพต่างๆ ในขณะเดียวกันได้สองแอพ เช่น โทรไปด้วยจดโน๊ตไปด้วย, เล่น Facebook ไปด้วยดู Youtube ไปด้วย หรือพิมพ์อีเมลและหาข้อมูลใน Google พร้อมกันไปด้วยก็ได้ ด้วยฟีเจอร์นี้เองจะทำให้ผู้ที่ใช้ Note 8.0 ได้สัมผัสถึงการทำงานแบบ Multitask ได้อย่างแท้จริง ซึ่งใน iPad mini หรือในอุปกรณ์ iOS อื่นๆ แล้ว ยังห่างไกลกับฟีเจอร์นี้มากครับ (จากประสบการณ์ส่วนตัว)

หน้าจอคมชัด

ข้อนี้ก็ตรงไปตรงมาตามสเปคครับ ว่า Galaxy Note 8.0 มีหน้าจอที่คมชัดกว่า iPad mini ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าหน้าจอของ iPad mini นั้นไม่ใช่แบบ Retina Display แต่มีความละเอียดอยู่ที่ 163 PPI (1024×768) ส่วน Galaxy Note 8.0 นั้นจะอยู่ที่ 189 PPI (1280×800) ทำให้การแสดงผลของหน้าจอมีความคมชัดมากกว่า iPad mini ครับ

สเปคแรง

สเปคแรงนอกจากจะเอามาเล่นเกมมันส์ๆ ได้แล้ว …หนึ่งในความสามารถอย่าง Multi Windows หรือการใช้งานแอพหลายแอพพร้อมกันของ Galaxy Note 8.0 จะเกิดไม่ได้เลยถ้าสเปคของเครื่องไม่แรง โดย Note 8.0 นั้นอัดซีพียูมาให้ในระดับ quad-core ส่วน iPad mini อยู่ที่ระดับ dual-core และหน่วยความจำหรือ RAM ใน Note 8.0 ก็มีขนาดถึง 2 GB ส่วน iPad mini มีเพียง 512 MB
…ที่สำคัญคือ เมื่อ Galaxy Note 8.0 มีสเปคที่เรียกว่าค่อนข้างสูงในระดับหนึ่ง ก็น่าจะมั่นใจ (หวัง) ได้ว่า Note รุ่นนี้อาจจะได้รับอัพเดทเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ๆ ในอนาคต

เพิ่มความจุด้วย microSD สูงสุด 64GB

เป็นที่รู้กันดีครับว่าอุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการ iOS ไม่สามารถใส่การ์ดความจำหรือ microSD Card เพื่อเพิ่มความจุให้กับการใช้งานได้ แต่ใน Galaxy Note 8.0 นั้นรองรับการใส่ microSD ได้สูงสุดถึง 64GB
สมมุติ ถ้าหากเราต้องการ iPad mini ที่มีความจุ 64 GB เราต้องจ่ายเงินถึง 21,200 บาท แต่ถ้าเป็น Galaxy Note 8.0 ก็เพียงซื้อ microSD ขนาด 64GB ในราคาประมาณ 2 พันกว่าบาทมาใส่ ก็จะได้เป็นความจุรวมถึง 16+64 หรือ 80GB เลยทีเดียว …นี่ยังไม่นับถึงเรื่องการโอนถ่าย/ย้ายไฟล์ข้อมูล ที่สามารถทำในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้สะดวกว่าอีกด้วย

ใช้โทรศัพท์ได้

เหตุผลสุดท้ายที่ผมยกให้ว่าทำไม Galaxy Note 8.0 ถึงน่าใช้กว่า iPad mini คือ Galaxy Note 8.0 สามารถใช้ฟีเจอร์ด้านโทรศัพท์ได้ หรือพูดง่ายๆ คือ “Galaxy Note 8.0 ใช้โทรได้” นั่นเ้อง ต่างกับ iPad mini ที่มีราคาเท่ากัน ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ใส่ซิมได้ (Cellular) แต่ก็ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ …การโทรผ่าน Galaxy Note 8.0 นั้น จะคุยผ่าน Smalltalk หรือยกตัวเครื่องแนบหูคุยเลยก็สามารถทำได้
และนี่คือทั้งหมดที่ผมยกให้ Galaxy Note 8.0 น่าใช้กว่า iPad mini ครับ ใครสงสัยหรืออยากจะให้รีวิวส่วนไหนก็เสนอมาได้ครับ ผมจะรวมรีวิวมาให้ในครั้งต่อไป…
ภาพประกอบจาก Samsungimore และ Phandroid

4/05/2556

Baidu PC Faster

ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี Baidu PC Faster 1.8.0.11 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้แก่วินโดวส์ (Windows) และทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานเร็วขึ้น Baidu PC Faster เป็นโปรแกรมที่พัฒนาจากบริษัท Baidu Inc. เพียงแค่หนึ่งคลิกก็สามารถดูแลวินโดวส์ของคุณได้อย่างครอบคลุม ง่ายดาย และรวดเร็ว โดยโปรแกรมจะมีฟังก์ชั่นการทำงานแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ด้วยกันคือ 
1. Win Update 
ระบบที่ช่วยติดตามข้อมูลการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยล่าสุด, ตรวจสอบและดาวน์โหลด patch ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับวินโดวส์ของคุณ เพื่อป้องกันการบุกรุกของแฮ็กเกอร์ รวมถึงโทรจันและไวรัสได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด
2. SpeedUp ระบบช่วยสแกนโปรแกรมที่เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติและระบุสาเหตุที่ทำให้เครื่องช้าลง โดยคุณสามารถระบุและหยุดการทำงานของโปรแกรมที่เริ่มการทำงานโดยอัตโนมัติที่ไม่จำเป็น ได้อย่างง่ายดาย เพื่อทำให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เร็วขึ้น
3. Cleaner ระบบช่วยสแกนและลบไฟล์ขยะต่างๆ ร่องรอยการใช้งาน และทำความสะอาดข้อมูลในรีจิสทรี

เมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งจากเว็บไซต์ของเรา ดับเบิลคลิกที่ไฟล์เพื่อเริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง
ตัวช่วยการติดตั้งจะแนะน าคุณผ่านขั้นตอนการติดตั้งอย่างง่ายดาย

เพิ่มเติม: คุณจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดเครื่องมือ Baidu PC Faster ก่อน และในกรณีที่คุณก าลังติดตั้งด้วยไฟล์ติดตั้งชนิดอย่างย่อ คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเช่นกันเพื่อติดตั้งเครื่องมือเสริมผ่านทางอินเทอร์เน็ต 


 Download

ขั้นตอนการติดตั้ง Baidu PC Faster

ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นการติดตั้งโปรแกรม โดยคลิกที่ปุ่ม “Install” 

ขั้นตอนที่ 2 ระบุต าแหน่งในการติดตั้งโปรแกรม 
ติดตั้งอย่างง่าย ด้วยต าแหน่งที่ก าหนดไว้ล่วงหน้า จากนั้นคลิกที่ปุ่ม “Next”
หรือ ระบุต าแหน่งโปรแกรมแบบก าหนดเอง ที่ปุ่ม “Browse”

ขั้นตอนที่ 3 โปรแกรมเริ่มด าเนินการติดตั้ง อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที
ระหว่างนี้โปรแกรมจะแจ้งข้อมูลการติดตั้งบนหน้าจอเป็นระยะ

ขั้นตอนที่ 4 จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม “Done” เมื่อโปรแกรมติดตั้งเรียบร้อย

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อปิดหน้าต่างการติดตั้ง
โปรแกรมจะแจ้งให้คุณเริ่มต้นการตรวจสอบสุขภาพคอมพิวเตอร์ และแก้ไขข้อบกพร่องทันที แบ่งเป็น 3 รายการ
-  ตรวจสอบสุขภาพคอมพิวเตอร์โดยรวม แบบเร่งด่วน (PC Health Care) 
-  เริ่มต้นค้นหาและท าความสะอาดไฟล์ขยะ ไฟล์รีจิสทรี และปกป้องข้อมูลความเป็นส่วนตัว (Cleaner)
-  วิเคราะห์ปัญหาและปรับแต่งเร่งความเร็วเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เร็วขึ้น (SpeedUp)
คลิกที่ปุ่ม “Try Now” หากคุณต้องการเริ่มต้นการท างาน รายการใดรายการหนึ่ง (เราแนะน าให้คุณเริ่มการท างาน PC
Health Care ก่อน) หากคุณยังไม่ต้องการเริ่มต้นการท างาน ให้คลิกที่เครื่องหมาย “X” เพื่อปิดหน้าต่าง



Picasa 3.9.0 Build 136.18

Picasa 3.9 เป็นโปรแกรมสำหรับดูแล จัดระเบียบ แก้ไขและแบ่งปันภาพถ่ายดิจิตอลบนคอมพิวเตอร์ของคุณ ที่พัฒนาโดยค่ายักษ์ใหญ่อย่าง Googleโปรแกรมนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดการเกี่ยวกับรูปภาพได้โดยอัตโนมัติและจัดรูปภาพทั้งหมดของคุณรวมถึงไฟล์ภาพในรูปแบบไฟล์ JPG, GIF, TIF, PSD, PNG, BMP, RAW (NEF รวมทั้งและ CRW) GIF  PNG และไฟล์ภาพยนตร์ โดยคุณสมบัติ Picasa มีมากมายเช่นการค้นหารูปภาพ, การนำรูปภาพออกจากกล้อง, แก้ไขรูปภาพ, การจัดหมวดหมู่ของภาพ และการแบ่งปันภาพถ่ายของคุณในไม่กี่วินาที สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุด Picasa 3.9.0 Build 136.18 ได้มีการเพิ่มคุณสมบัติการแชร์ไฟล์รูปภาพสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้ Google+ ซึ่งทำให้เราสามารถแชร์ภาพบน circle ที่เราเลือกได้จากตัวโปรแกรมทันที สามารถอัพโหลดและแบ่งปันแท็กชื่อของคุณใน Google+ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มการแก้ไขภาพ เช่น Vignette, Duo-tone และอื่น ๆ เพิ่อให้ง่ายต่อการใช้งานอีกด้วยครับ