3/02/2556

Kingston SSDNow V300 Review [SSD ราคาประหยัดเพื่อโน้ตบุ๊กของคุณ]


SSD เองก็เป็นฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้นอย่างน่าพอใจ และทำให้การทำงานต่างๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย แต่ว่าในตอนนี้ ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง โดย Kingston SSDNow V300 รุ่นนี้ออกมาเพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึง SSD ที่มีราคาไม่สูงมากนัก ที่3,190 บาท เท่านั้น กับความจุระดับ 120GB ที่เป็นขนาดที่กำลังเหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานโน้ตบุ๊ก ที่ไม่ได้เก็บข้อมูลอะไรเอาไว้มากในเครื่อง
ก่อนจะเริ่มเข้าสู่รีวิวนั้น ต้องขอแจ้งให้ทราบก่อนว่า Kingston SSDNow V300 นี้ เน้นด้านราคาที่คุ้มค่าเพื่อที่ทุกคนสามารถจะเป็นเจ้าของได้ และมีความจุเพียงพอที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันได้พอดี ซึ่งตัว NAND flash ที่ติดตั้งเอาไว้ใน SSD อันนี้ เป็น NAND flash รุ่นใหม่ของ Toshiba ที่มีกระบวนการผลิตที่ 19nm แบบ MLC Toggle Mode และนำ SSD Controller SandForce SF-2281 มาติดตั้งเพื่อควบคุมการทำงานและปรับแต่ง Firmware เพิ่มเติมด้วย โดย SSD รุ่นนี้จะเป็น Notebook kits ที่นำมาอัพเกรดโน้ตบุ๊กได้
Kingston SSDNOW 300V Review 014
ในชุดแพ็คเกจจำหน่ายนั้นจะมาในกล่องสีขาว-แดงตามสไตล์ของ Kingston มีความสวยงามเรียบง่ายดัง
Kingston SSDNOW 300V Review 015Kingston SSDNOW 300V Review 016
โดยมุมบนขวามือจะบอกถึงความจุของ SSD รุ่นนี้กับข้อมูลต่างๆ ของ SSD ด้วย
Kingston SSDNOW 300V Review 017
ด้านหลังของกล่องจะมีวิธีการใช้งานเขียนเอาไว้อย่างละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่ง Kingston SSDNowV300 พร้อมกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ในกล่องทั้งหมด
Kingston SSDNOW 300V Review 018Kingston SSDNOW 300V Review 019
เมื่อเปิดกล่องนอกออกมาแล้ว จะเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลบรรจุอุปกรณ์ต่างๆ โดยจะมี SSD ความจุ 120 GB ของ Kingston 1 อัน, ฐานรองฮาร์ดดิสก์, กล่องใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมกับสายถ่ายโอนข้อมูล, DVD สำหรับ Clone ฮาร์ดดิสก์จำนวน 2 แผ่น
Kingston SSDNOW 300V Review 021
ตัวฮาร์ดดิสก์จะมีขนาด 7 มิลลิเมตรพร้อมสติกเกอร์ติดไว้ที่ด้านหน้าตัวฮาร์ดดิสก์บ่งบอกถึงรุ่นและความจุด้วย ตัวฮาร์ดดิสก์มีเนื้อผิวฮาร์ดดิสก์ที่สากเล็กน้อย
Kingston SSDNOW 300V Review 024Kingston SSDNOW 300V Review 022
การเชื่อมต่อจะเป็นแบบ SATA III โดยดีไซน์ซ่อนลายเชื่อมต่อเอาไว้ให้อยู่ใต้ตัวปิดของฮาร์ดดิสก์เพื่อความสวยงามและป้องกันความเสียหายหากตกลงพื้น
Kingston SSDNOW 300V Review 025
ขนาดนั้นเมื่อนำมาเทียบกับฮาร์ดดิสก์ปกติแล้วนั้น จะมีขนาดที่เท่ากันคือ 2.5 นิ้ว ตามมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์สำหรับใช้งานในโน้ตบุ๊ก 
Kingston SSDNOW 300V Review 026Kingston SSDNOW 300V Review 023 
แต่จะมีที่แตกต่างกันก็คือ SSD ตัวนี้จะหนาเพียง 7 มิลลิเมตร แต่ฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วทั่วไปจะมีความหนาอยู่ที่ 9 มิลลิเมตร
Kingston SSDNOW 300V Review 020
กล่องใส่ฮาร์ดดิสก์นั้นจะมีดีไซน์เรียบง่ายวัดสุเป็นพลาสติก โดยรองรับสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลจากฮาร์ดดิลก์ตัวเก่าของเรา พร้อมกับเชื่อมต่อผ่านทาง USB 2.0 พร้อมกับด้านบนของกล่องจะมีไฟแสดงสัญญาณการถ่ายโอนข้อมูลอยู่ โดยไฟแสดงสถานะจะเป็นสีฟ้า
Kingston SSDNOW 300V Review 012Kingston SSDNOW 300V Review 010
 
พอร์ตที่เชื่อมต่อเข้ากับกล่องนี้ จะเป็นพอร์ต miniUSB ที่อยู่ตรงกลางค่อนไปทางขวามือเล็กน้อย ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นไฟแสดงสัญญาณการทำงานที่ได้พูดถึงไป ส่วนด้านใต้กล่องจะเป็นตัวล็อคแบบเลื่อนเพื่อล็อคหรือปลดล็อคกล่องได้อีกด้วย
 
Kingston SSDNOW 300V Review 013
การแสดงผลการทำงานอยู่นั้น จะเป็นไฟสีฟ้าติดขึ้นมาระหว่างทำงานอยู่ ด้วยขนาดของกล่องฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดเล็กกำลังดีพอที่จะพกติดตัวออกไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างดี รวมทั้งนำฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าที่ถอดออกมาจากเครื่องใส่เอาไว้เป็น External Harddisk เพื่อใช้งานต่อได้อีกด้วย
 
Kingston SSDNOW 300V Review 008Kingston SSDNOW 300V Review 009
ภายในกล่องจะออกแบบให้ขนาดพอดีกับฮาร์ดดิสก์และไม่ต้องใช้ฐานปรับขนาดแก้อะไรเลย เพียงแค่สอดเข้าไปและดันให้พอร์ต SATA เชื่อมต่อกันก่อนจะปิดฝากล่องให้เรียบร้อย ก็จะได้รับ External Harddisk มาหนึ่งลูกเพื่อบันทึกข้อมูลแล้ว (แต่น่าเสียดายที่เป็นเพียง USB 2.0 เข้าใจ่าทาง Kingston ตั้งใจมาเพื่อเป็นอุปกรณ์ช่วยในการถ่ายโอนเป็นหลัก)
Kingston SSDNOW 300V Review 002
พอนำมาประกอบเข้าไปกับโน๊ตบุ๊กเครื่องเก่งเพื่อทดแทนฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าก็มีขนาดพอดิบพอดีด้วยขนาดมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์ทำให้ใส่ลงไปได้อย่างง่ายดาย ผ่านการเชื่อมต่อทางสาย SATA แต่จะมีข้อสังเกตุในเรื่องของความบางของฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ที่ปกติแล้วจะบางกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไปประมาณ 2 มิลลิเมตร
Kingston SSDNOW 300V Review 004Kingston SSDNOW 300V Review 006
 
ด้วยความที่โน้ตบุ๊กโดยทั่วไปจะใช้ฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่มีความหนาอยู่ที่ 9 มิลลิเมตร ทำให้เมื่อเราติดตั้ง SSD ที่มีขนาด 7 มิลลิเมตรลงไป ก็จะไม่แน่นสนิท โดยเราจึงจำเป็นต้องอาศัยแผ่นฐานรองที่มีมาให้ในกล่องมารองก่อนใส่ฮาร์ดดิสก์ลงไปได้ด้วย เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์มีความแน่นสนิทกับตัวเครื่องมีติดตั้งเสร็จ อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอุปกรณ์ภายในอื่นๆ เมื่อมีการกระทบกระเทือนด้วยครับ 
Testing
Capacity
เมื่อเช็คที่ Properties ของฮาร์ดดิสก์แล้วจะเห็นว่าความจุจาก 120 GB จะมีให้ใช้ที่ 111 GB ตามปกติของฮาร์ดดิสก์
windows score SSD
Windows Index Experince จับค่าคะแนนได้สูงถึง 8 คะแนนด้วย นับว่าใช้ได้ทีเดียวสำหรับ Kingston SSDNow V300 อันนี้
 HDD Tune Pro FrontPage
ทดสอบด้วย HD Tune เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลต่ำสุดอยู่ที่ 103 MB/s และอัตราการถ่ายโอนสูงสุดนั้นอยู่ที่ 304 MB/s ซึ่งทำให้อัตราเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 247 MB/s ซึ่งนับว่าเร็วใช้ได้ทีเดียว ส่วนความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลนั้นอยู่ที่ 0.228 ms
HDD Tune InfoPage
ซึ่ง SSD ของ Kingston นี้จะมีมาตรฐานที่ SATA III และรองรับการถ่ายโอนข้อมูลระดับ UDMA Mode 6 ซึ่งนับว่าสูงเกือบสุดในปัจจุบัน (สูงสุดที่ระดับ UDMA 7) ซึ่ง UDMA หรือ Ultra DMA นั้นเป็นการเชื่อมต่อเข้าสู่ฐานหน่วยความจำโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านทางซีพียู โดย UDMA Mode 6 จะให้ค่าความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูลมากสุดอยู่ที่ 133 MB/s และ Defining Standard จะอยู่ที่ ATA-7
AS SSD Benchmark Speed
AS SSD ทดสอบแล้วความเร็วการอ่านได้ที่ 453.5 MB/s และอัตราความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 121. MB/s นับว่าสูงใช้ได้ทีเดียว
AS SSD Copy Benchmark
AS SSD เช่นเดิม เปลี่ยนเป็นการทดสอบด้วย Copy Benchmark แล้วความเร็ว ISO ที่ 130 MB/s ภายใน 8.26 วินาที Program ที่ 80 MB/s ที่ 18 วินาที ส่วนของ Game เพิ่มมาที่ 108 MB/s ใช้เวลา 13 วินาที
AS SSD iops
ทดสอบความเร็ว IOPS ให้เห็นสักหน่อย ว่า SSD ลูกนี้ก็มีความเร็วที่สูงใช้ได้เหมือนกัน โดยความเร็วในการอ่าน (Read) อยู่ที่ 28.48 iops ส่วนความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 7.22 iops
AS SSD Compression Benchmark
ส่วนของ Compression Benchmark นั้นจะออกมาเสถียรในระดับหนึ่ง แต่อาจจะมีบางจุดที่ความเร็วอ่านเขียนตกลงไปบ้างเล็กน้อย
CrystalDiskMark
CrystalDiskMark แสดงความเร็วในการอ่านมาที่ 402 MB/s และเขียนสูงถึง 143 MB/s นั้นนับว่าเร็วดีใช้ได้
ATTO IO Comparison
ทดสอบด้วย ATTO Benchmark แล้วจะเห็นได้ว่าอัตราการเขียนอ่านจะเห็นความแตกต่างระดับหนึ่งทีเดียว
สำหรับชิป SandForce ที่หลายๆ คนกังขาว่าจะมีปัญหาในการใช้งานหรือไม่ จะเจอปัญหาเดียวกันกับใน Kingston SSDNow V300 นี้หรือไม่ ซึ่งผู้เขียนได้ทดลองอัดข้อมูลเข้าไปจนเหลือพื้นที่เพียง 5 GB เท่านั้นและเริ่มทดสอบใหม่อีกรอบด้วย
ทดสอบด้วย HD Tune ก่อนแล้ว ปรากฏความเร็วไม่ลดไปมากเท่าไหร่ (Minimum จาก 103 MB/s เหลือ 93 MB/s และ Maximum จาก 304 MB/s เหลือ 291 MB/s)
ทดสอบด้วย AS SSD อีกหนึ่งโปรแกรม
CrystalDiskMark อีกหนึ่งโปรแกรม แสดงให้เห็นผลการทดสอบที่ยังคงทำงานได้ดีพอควร
ทดสอบด้วย ATTO Disk Benchmark ส่วนของ I/O Comparison ก่อน
พร้อมกับ Overlapped I/O อีกหนึ่งส่วน
พอเปรียบเทียบกันผ่านทางโปรแกรม AS SSD แล้ว จะเห็นได้ว่าความเร็วในช่วงความจุ 50% กับ 90% นั้น แทบจะไม่ต่างกันเลย ดังนั้นเรื่องปัญหาที่จะเกิดขึ้นเมื่อความจุสูงขึ้นเกือบจะเต็มของชิป SandForce ในยุคก่อนหน้านี้นั้น สามารถลืมไปได้เลย เพราะความเร็วก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก
Conclusion
ถ้าผู้ใช้คนไหนกำลังต้องการอัพเกรดฮาร์ดดิสก์ของโน้ตบุ๊กโดยมีคงประมาณจำกัดหรือว่าต้องการอัพเกรดโน้ตบุ๊กเป็นฮาร์ดดิสก์แบบ SSD แล้วต้องการเหลืองบประมาณอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ซื้ออุปกรณ์เสริมให้โน้ตบุ๊กเครื่องเก่งแล้วล่ะก็ Kingston SSDNow V300 อันนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีรุ่นหนึ่งเพื่องบประมาณพอดีกระเป๋า ไม่แพงมากนัก รวมทั้งมีความเร็วในการทำงานที่สูงใช้ได้ทีเดียว แม้ว่าจะใช้ SSD Controller เป็น SandForce ก็ตามที แต่เท่าที่ใช้งานมาและบันทึกข้อมูลไปกินพื้นที่ไปเกือบทั้งหมดแล้วก็ตามที อัตราความเร็วในการเขียนอ่านจะลดลงไปบ้าง ก็เพียง 10 MB/s ที่ถือว่าเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าหากว่าต้องการอัพเกรดโน้ตบุ๊กให้ทำงานได้เร็วขึ้นแล้วล่ะก็ เราสามารถพิ่ม Kingston SSDNowV300 เข้าไปในรายการเลือกซื้อด้วยเพื่อเป็นตัวเลือกงบประมาณประหยัดก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะราคานั้นเมื่อเทียบกันแล้ว นับว่าถูกกว่ายี่ห้ออื่นๆ ราว 1 พันบาททีเดียว หรือถ้าใครจะนำไปติดตั้งลองคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะก็ทำได้ อันนี้แล้วแต่สะดวก (แต่อาจจจะต้องซื้อ Tray เพื่อไว้ติดตั้งในเคสเพิ่มเอง) ดังนั้น สำหรับความเร็วในการทำงานของชิป SandForce ที่หลายๆ คนเกิดสงสัยไม่มั่นใจมาก่อนหน้าในอดีตจนเกิดเป็นความกลัวส่วนตัวว่าชิป SandForce นั้น ทำงานได้ไม่ดีไม่เต็มประสิทธิภาพและเกิดปัญหาจุกจิกเหมือนในอดีตนั้น ก็สามารถสบายใจขึ้นได้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดใน Kingston SSDNow V300 ลูกนี้อย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ Kingston SSDNow V300 ยังมีในส่วนของความจุ 60GB และ 240GB ในเลือกใช้งาน โดยสนนราคาอยู่ที่ 2,190 บาท และ 6,490 บาท ตามลำดับครับ ซึ่งถ้าใครคิดว่า 120GB ไม่เพียงพอเมื่อใช้งานแน่ๆ ก็แนะนำให้ดูเป็นรุ่นความจุ 240GB เอาไว้ดีกว่า ส่วนรุ่นความจุ 60GB ไม่ค่อยแนะนำเพราะความจุค่อนข้างน้อย รวมไปถึงราคาต่างกับรุ่น 120GB แค่หนึ่งพันบาทเท่านั้น
ข้อดี
  • ประสิทธิภาพโดยรวมจัดได้ว่ามีความน่าพอใจ
  • ราคาคุ้มค่าเพื่อผู้ใช้ที่มีงบประมาณจำกัด
  • เป็น Notebook Kits ดังนั้นจึงมีกล่องใส่ฮาร์ดดิสก์เพื่อรองรับฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าได้ด้วย
  • ถึงแม้จะใช้ชิป Controller เป็น SandForce แต่จากผลการทดสอบก็ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
ข้อสังเกต
  • ความเร็วในการเขียนน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบความเร็วในการอ่าน
  • ขนาดความจุ 60GB ดูเหมือนไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ ซื้อ 120GB น่าจะคุ้มสุด

หลุด! Google+ Photo แอพฯ สำหรับผู้ใช้ Google Chrome อัพรูปขึ้น Google+ ง่ายและเร็วขึ้นกว่าเดิม


Mr. François Beaufort ที่เป็นฝ่ายพัฒนาของ Google นั้น ชอบปล่อยข้อมูลของสิ่งใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งตอนแรกก็เป็นคราวของแอพฯ ปริศนาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้ก็เป็นของ แอพฯ Google+ Photo ที่ยังอยู่ระหว่างพัฒนาภายใต้ชื่อเล่นโครงการ “Pulsar” ที่จะเปิดให้ผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คของ Google อย่าง Google+ กับเบราเซอร์ Google Chrome สามารถอัพโหลดรูปภาพผ่านทางเบราเซอร์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้นมากด้วย โดย Mr. François Beaufort เองก็เปิดเผยภาพบางส่วนออกมาบ้างแล้ว
เริ่มต้นนั้น ทาง Mr. François Beaufort ได้ประกาศออกมาก่อนแล้วว่า เจ้า Google+ Photo นี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนา แอพฯ ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรและเกิดปัญหาบ่อยพอควรทีเดียวเพราะไม่เสถียรนัก โดยทางสื่อต่างประเทศเองก็ทดลองนำไปติดตั้งใน Chromebook Pixel เพื่อทดลองใช้ดูแล้ว แต่ผลปรากฏว่าแอพดังกล่าว “Broken” หรือไม่สามารถทำงานได้ ถึงจะมีไอคอนติดตั้งอยู่ก็ตาม
ใครที่กำลังใช้เบราเซอร์ Google Chrome กับ Google+ อยู่ล่ะก็ เตรียมดีใจได้เลย เพราะตอนนี้ถึงจะยังพัฒนาอยู่ แต่ดูจากอินเตอร์เฟสที่น่าใช้งานง่ายนั้น คงจะได้รับความนิยมมากขึ้นแน่นอน
ที่มา : androidcentral / engadget

ข้อแตกต่างระหว่าง Windows 7 กับ Windows 8


กว่าคุณผู้อ่านจะได้อ่านบทความนี้ผมคิดว่า Windows 8 ก็คงเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทางไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวฟีเจอร์ที่มากับ Windows 8 นั้นมีมากเป็นร้อยฟีเจอร์ทั้งเป็นของใหม่และปรับปรุงให้ดีขึ้นจาก Windows 7 มีทั้งเวอร์ชันที่ลงกับ PC และแท็บเล็ตโดยเฉพาะ
 
การนำเสนอของไมโครซอฟท์บางท่านอาจจะไม่เข้าใจมากนักนั้นเพราะฟีเจอร์ต่างๆ มันเยอะแยะไปหมดเมื่อเทียบกับ Windows 7 คำถามจะเกิดตามมาว่า สมควรแล้วหรือที่จะอัปเกรดจาก Windows 7 มาใช้ระบบปฎิบัติการใหม่สุดที่ชื่อ Windows 8
ตารางด้านล่างได้รวบรวมมาให้เห็นข้อแตกต่างหลักๆ ที่สำคัญของ Windows 7 กับ Windows 8 เอาไว้พิจารณาการตัดสินใจ
* Media Center addon ต้องซื้อแยกต่างหาก
นอกจากฟีเจอร์หลักๆ นี้แล้ว Windows 8 ยังมีฟีเจอร์ย่อยอีกมากมาย อาทิ เช่น Faster boot times, Airplane mode, Enhanced copy/move/paste, มีโปรแกรมป้องกันไวรัสมาพร้อม(Windows Defender) การปรับแต่งหน้า Log Screen แบบใหม่, ฟีเจอร์ Refresh PC เป็นต้น
ที่มา http://www.intowindows.com

ยังต่อต้าน Timeline Facebook อยู่มั้ย ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป ยังไงก็ไม่รอด


ก่อนหน้านี้เราได้เห็นกระแสต่อต้าน Facebook อย่างหนัก ในเรื่องของการอัพเดทหน้าตาของเว็บไซต์ใหม่ ซึ่งมันได้สร้างความแตกต่างจากหน้าตาแบบเดิมๆไปมาก จนหลายคนปรับตัวไม่ทัน และเจ้าหน้าตาแบบใหม่ก็ยังได้มีการโชว์ข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละคนในแบบที่หลายคนไม่ต้องการอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีกระแสออกมาต่อต้านมากมายหลากหลาย แต่ก็ดูเหมือน Facebook จะไม่ค่อยแยแสกับการต่อต้านของเหล่าผู้ใช้งานเหล่านั้นสักเท่าไหร่ อาจด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ใช้งานเหล่านั้นยังไม่เข้าใจถึงประโยชน์จากหน้าตาแบบใหม่นี้ พอเมื่อเจอหน้าตาที่ไม่คุ้นชิน ก็เลยออกมาต่อต้าน แต่ต่อให้แม้ว่า Facebook จะคิดแบบนั้นจริง แต่สุดท้ายแล้วผู้ใช้งานก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด แม้ว่าจะพยายามยื้อไม่ยอมเปลี่ยนสักเท่าไรก็ตาม ที่สุดแล้ว Facebook ก็จะเริ่มทะยอยปรับเปลี่ยนหน้าตาของผู้ใช้งานทุกคนอยู่ดี แต่ก็จะเพิ่มในส่วนของการแจ้งเตือน(เตรียมใจ)มาให้ โดยจะแจ้งบอกผู้ใช้งานว่าการล็อกอินครั้งหน้าเข้ามาอีกครั้ง หน้าตาเว็บไซต์ก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบ Timeline แบบใหม่ และจากนั้นก็จะมีเวลาภายใน 7 วันที่จะตรวจสอบโพสท์เก่าๆ ก่อนที่มันจะไปโผล่ให้เพื่อนของเราได้เห็น ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายในก่อนสิ้นปีนี้
ทีนี้เราก็มาลองมองดูข้อดีของเจ้า Timeline นี้กันบ้าง เริ่มตั้งแต่กล่อง “Recent Activity” ที่จะเรียกเอาแอ็พต่างๆที่เราใช้งานออกมาให้เห็น ซึ่งจะเป็นการช่วยดึงดูดใจให้เหล่านักพัฒนาหันมาสนใจทำแอ็พบนแพล็ตฟอร์มของ Facebook ตามมาด้วยระบบรูปภาพแบบใหม่ ที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อช่วยให้มีการใช้งานดูรูปภาพ และแท็กรูปต่างๆมากขึ้น
คงไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อ เพราะยังไงก็ต้องก้าวเข้าสู่โลกของ Timeline ดังนั้นประกาศความเป็นตัวคุณออกไปเลย หรือมีใครใน NBS มีแนวคิดที่จะทำให้ Facebook หยุดการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ มาแชร์ให้ฟังได้เลย
ที่มา: TechCrunch

Facebook จะเปลี่ยนไปให้ทุกคนบนโลกใช้หน้าเพจแบบ Timeline ภายใน 7 วันจากนี้


อาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับคนที่หัวโบราณหรือไม่ก็เป็นคนที่ไม่ชอบในการเปลี่ยนแปลง ดูได้ง่ายๆ จากการใช้ Windows ว่าตอนนี้เปลี่ยนไปใช้ Windows 7 หรือยังจมอยู่กับ Windows Vista หรือ Windows XP หรือเปล่า (ยกเว้นคนที่จำเป็นต้องใช้งานกับเรื่องลิขสิทธิ์นะจ๊ะ) ที่ในตอนนี้บอกได้เลยว่าทาง Facebook ประกาศออกมาแล้วว่าจะเปลี่ยนหน้าเพจ Facebook ทุกคนทั่วโลกเป็นแบบ Timeline ทั้งหมด ภายใน 7 วัน หรือหนึ่งสัปดาห์นับจากนี้ (นับจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา) ซึ่งยังไม่ได้มีการเผยว่าจะเป็นวันใดที่แน่นอน ที่เชื่อว่าหลายๆ คนคงเปลี่ยนมาใช้ตั้งแต่วันแรกแล้วเพราะชอบของใหม่ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นแบบ Timeline ในไม่กี่วันนี้คงหนีกันไม่รอดแล้ว ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม
โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดให้ผู้ใช้เข้าถึงการอัพเดทสถานะและรูปภาพให้ง่ายอย่างที่สุด เท่าที่ Facebook เคยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2004 ที่มีการยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างแน่นอน แต่จะส่งผลกระทบแน่นอนสำหรับคนที่มีคดีเก่าเยอะๆ อย่างแฟนเก่า หรือกิ๊กเก่า เพราะว่า Facebook Timeline นั้น สามารถย้อนไปดูตั้งแต่คุณเล่น Facebook วันแรกได้เลย (ยกเว้นคุณจะรีบใช้ Timeline แล้วตามไปลบโพสที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นก่อนที่ใครๆ จะเข้ามาดูซะ) อย่างในกรณีของต่างประเทศมีคนถึงกับตั้งเพจ Timeline Sucks ขึ้นมาทีเดียว
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า Social Network อย่าง Facebook หรืออื่นๆ นั้นไม่ใช่ของเรา คนที่คอยควบคุมอยู่เขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ ฉะนั้นผู้ใช้อย่างเราๆ ควรยอมรับและใช้งานให้เป็นกันเถอะ เพราะมันไม่สามารถหลีกหนีได้อย่างการติดตั้ง Windows ลงในโน้ตบุ๊ก เว้นแต่ว่ากรณีบังคับคือผู้ผลิตไม่มีไดร์ฟเวอร์รองรับ Windows เวอร์ชั่นเก่าๆ แล้ว อันนั้นก็จำเป็นต้องใช้ Windows 7 ไป แต่ถ้าสำหรับใครที่ชอบลองของใหม่ สนใจเรียนรู้และเปิดรับอยู่เสมอก็ถือได้ว่าเป็นกำไรแล้วครับ หากมีของใหม่ออกมาให้ใช้อยู่เรื่อยๆ:D
อ้างอิง : news.sky 

Facebook ทดสอบหน้าตา Timeline แบบใหม่ รวมโพสท์มาเป็นคอลัมน์เดียว


Facebook ได้เริ่มทดสอบระบบหน้าตาการแสดงผลโพสท์ใหม่ใน Timelines เพิ่มเติมแล้ว โดยหน้าตานี้จะทำการเรียงทุกโพสท์ให้อยู่ในรูปแบบของคอลัมน์เดียวทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านก็จะเป็นพวกกิจกรรมหรือว่า activity ต่างๆ ที่จะแคบกว่าคอลัมน์โพสท์หลัก
ซึ่งหน้าตาใหม่นี้ืถือเป็นการออกแบบใหม่เพื่อตอบสนองเสียงตอบรับจากผู้ใช้งาน เพราะว่าหน้าตา Timelines เดิมนั้น จะทำให้ผู้ใช้งานต้องคอยเลื่อนหน้าขึ้นลง และต้องอ่านดูโพสท์แต่ละอันสลับกันทางซ้ายและขวา กับผู้ใช้งานบางราย ถือว่าเป็นปัญหาในการอ่านมากพอสมควร หน้าตาแบบใหม่นี้ ก็จะถอดเอาเจ้าเส้น Timelines เก่าที่อยู่กลางออกไป ส่วนเรื่องของตัวแบ่งช่วงเวลาของโพสท์ ก็จะถูกย้ายไปโผล่อยู่มุมขวาบนของหน้าแทน สามารถให้เรากระโดดข้ามโพสท์ไปในช่วงเวลาที่ต้องการได้ โดยแยกออกเป็นเดือน และปี 
ที่มา: Inside Facebook

Facebook ทดสอบระบบ Timeline ใหม่เตรียมใช้ทั่วโลก เพิ่มระบบ Like Page ให้เข้าถึงไวขึ้นด้วย


หลายๆ คนอาจจะชินกับ Timeline ที่แบ่งสองคอลลัมภ์ (ที่หลายๆ คนบ่นกันในตอนแรก) แล้วก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ ทาง Facebook เองก็เริ่มทดสอบระบบ Timeline แบบดีไซน์ใหม่ให้เป็นคอลลัมภ์เดียวแล้ว โดยเริ่มต้นที่ประเทศ New Zealand เป็นประเทศแรกที่จะได้ทดลองระบบนี้ก่อนจะเปิดให้ใช้พร้อมกันทั่วโลก เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่ระบบ Graph Search มานั้น ประเทศแรกที่ได้ทดสอบระบบใหม่ของ Facebook จะเป็น New Zealand เสมอๆ 
โดยการดีไซน์ใหม่นี้ จะผลักให้มี Timeline แถวตรงเส้นเดียวยาวลงไป และให้คอลลัมภ์การอัพเดทไปอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นเมื่อมีใครมาโพสหรือแชร์คลิปอะไรไว้ที่หน้าวอลฯ ลองเราเองด้วย ส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพ, เพื่อนและ About ต่างๆ นั้น ยังอยู่ที่เดิม แต่ซ่อนเป็นเพียงลิงค์ให้คลิกเข้าไป ไม่เปิดเผยรูปภาพเหมือนตอนนี้
สำหรับอัพเดทอีกส่วนหนึ่ง (ที่คาดว่าทุกคนจะได้เห็นบ้างแล้ว) จะเป็นหน้ากด Like เพื่อเข้าชมเพจต่างๆ ของ Facebook ได้ทันที โดยระบบนี้ถ้ามีการแชร์เพจใดๆ ขึ้นมาแล้วเราไม่ได้กด Like เอาไว้ จะสามารถกดที่ “Like Page” ด้านล่างขวามือได้ทันที เพื่อความสะดวกและเข้าถึงได้เร็วยิ่งขึ้น โดยทาง Facebook คาดว่าการปรับปรุงระบบเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะทำให้หน้าเพจของบริษัทหรือการธุรกิจรวมทั้งการค้าขายสินค้าออนไลน์นั้นเติบโตได้เร็วและดียิ่งกว่าเดิมมากด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว ภาพการดีไซน์ใหม่นี้มีภาพหลุดออกมาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ว่ายังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะอยู่ระหว่างการทดสอบระบบนั่นเอง
ซึ่งถือว่าเป็นการกลับสู่สามัญที่น่าทำของ Facebook อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะส่วนตัวผู้เขียนนั้น Timeline แบบแบ่ง 2 คอลลัมภ์ ถึงจะทำให้เห็นว่ามีเนื้อหาใดมาโพสเอาไว้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องเบนไปซ้ายทีขวาทีอย่างนี้ ผู้เขียนก็อยากให้ Timeline แบบใหม่จาก Facebook เปิดตัวเร็วๆ เสียแล้ว
ที่มา : thenextweb